น้ำตกแม่ปอคี สายน้ำแห่งชีวิต พื้นที่จิตวิญญาณ
เมื่อพื้นที่ป่าที่เป็นพื้นที่แห่งชีวิตและจิตวิญญาณกำลังจะกลายเป็นอุทยานแห่งชาติ วิถีชีวิตและจิตใจของคนปกาเกอะญอในพื้นที่กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน
ผลงานโดย: ดวงเนตร วงษ์จำเนียง, สุวิทย์ อุดมรักพันธ์พง
เรื่องราวของชาติพันธุ์: ปกาเกอะญอ
สถานที่: บ้านขุนแม่เหว่ย-แม่ปอคี อ.ท่าสองยาง จ.ตาก
 “ต่า วี โดะ”
“ปาต่า ลื้อ”
“ป่าจิตวิญญาณ”
ณ หมู่บ้านแม่ปอคี - ขุนแม่เหว่ย ตําบลท่าสองยาง อําเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก เป็นหมู่บ้านของ “ปว่าเกอญอ” ที่ตั้งอยู่ห่างไกลตัวจังหวัดตาก และคอยปกป้องผืนป่าบรรพชน เนื้อที่ทั้งหมด 8,400 ไร่ แบ่งเป็นป่าตามความเชื่อประเภทต่าง ๆ เช่น ป่าเดปอ ป่าอนุรักษ์ ป่าชุมชน ป่าช้า ป่าจิตวิญญาณ และ ไร่หมุนเวียน
 
ผู้คนมากมายพยายามถามผมถึงเรื่องว่าป่าจิตวิญญาณคืออะไร เป็นเรื่องยากเหลือเกินที่จะอธิบายสื่อความหมายให้กับคนนอกวัฒนธรรม เพราะในภาษาปว่าเกอญอ พื้นที่แห่งนี้เรียกว่า “ต่า วี โดะ” หรือ “ปาต่า ลื้อ” เมื่อเปรียบเทียบคําในภาษาไทยกลาง หรือ ภาษาราชการรัฐไทย คงได้ประมาณว่า พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พื้นที่พิธีกรรม หรือ ที่เรานิยามว่า “ป่าจิตวิญญาณ”
“เก่อ-จา”
“เจ้าของ”
ป่าจิตวิญญาณ คือ พื้นที่ป่าที่เราเข้าไปทําพิธีกรรม เช่น “บา เก่อ จา” หรือการเลี้ยงเจ้าของป่า เจ้าของเขา เจ้าต้นไม้ เจ้าของต้นน้ํา เพราะเราเชื่อว่าพื้นที่ทุกตารางนิ้วมีเจ้าของที่เรามองไม่เห็น เราจึงเคารพนอบน้อม ไม่ว่าจะกระทําสิ่งใด เราจําเป็นต้องประกอบพิธีกรรมเพื่อสื่อสารกับ “เก่อ-จา” หรือ "เจ้าของ" ให้รับรู้ถึงความเคารพนอบน้อมต่อการดํารงชีวิตอยู่กับป่า และเพื่อให้ “เก่อ-จา” ได้คุ้มครองชีวิตความเป็นอยู่ของเราให้ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย ให้อยู่ดีมีสุข
นี่แหละที่เรียกว่าพื้นที่จิตวิญญาณ พื้นที่ชีวิตและจิตวิญญาณที่คนในชุมชน ส่งต่อองค์ความรู้ภูมิปัญญาเหล่านี้ให้กับคนรุ่นต่อ ๆ ไป ผ่านการลงมือทําจริงโดยไม่แบ่งอายุหรือเพศ ด้วยหลักที่ว่าทุกคนมีบทบาทหน้าที่ของตน
 
นอกจากเป็นพื้นที่ตามความเชื่อแล้ว พื้นที่ป่าจิตวิญญาณนี้ยังเป็นพื้นที่หล่อเลี้ยงชีวิตมนุษย์ และสัตว์ เราหาของป่าเพื่อเป็นอาหาร หาสมุนไพรเป็นยารักษาโรค และเป็นพื้นที่หากินของสัตว์เลี้ยงของคนในหมู่บ้านที่ปล่อยไปตามธรรมชาติ เช่น วัว ควาย หมู ไก่ เป็นต้น
 
นี่แหละที่เรียกว่าพื้นที่จิตวิญญาณ พื้นที่ชีวิตและจิตวิญญาณที่คนในชุมชนส่งต่อองค์ความรู้ภูมิปัญญาเหล่านี้ให้กับคนรุ่นต่อ ๆ ไป ผ่านการลงมือทําจริงโดยไม่แบ่งอายุหรือเพศ ด้วยหลักที่ว่าทุกคนมีบทบาทหน้าที่ของตน
เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2560 เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจของเราทุกคนในชุมชน เราทราบข่าวว่าพื้นที่ของชุมชนที่เราเกิดและตายบนแผ่นดินแห่งนี้มาหลายรุ่นกําลังถูกรัฐไทยประกาศเตรียมเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่เงา เช่นเดียวกับพี่น้องร่วมชะตากรรมอีก 48 ชุมชน ในพื้นที่ 2 จังหวัด แม่ฮ่องสอนและตาก ในพื้นที่ของชุมชนแม่ปอคีเอง อุทยานฯ ได้ประกาศทับเป็นจํานวน 2,000 กว่าไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ไร่หมุนเวียน พื้นที่ป่าใช้สอย และพื้นที่ป่าจิตวิญญาณ
 
ยังไม่พอ เหมือนพายุโหมอีกครั้ง คือนโยบายทวงคืนผืนป่าและพยายามจะลดรอบหมุนของไร่หมุนเวียน เจ้าหน้ารัฐเหล่านี้กล่าวหาว่าชาวบ้านเป็นคนทําลายป่า
 
“ถ้าชาวบ้านทําลายป่าจริง ทุกวันนี้ป่าก็คงไม่ได้อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้ ทุกวันนี้เพราะคนในชุมชนช่วยกันดูแลอนุรักษ์ป่าผ่านวัฒนธรรมและพิธีกรรมควบคู่กันไป จึงทําให้คนกับป่าสามารถอยู่ดูแลซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดี” (เสียงจากหัวใจของดิ์แซ คนรุ่นใหม่สายเลือดแม่ปอคี)
 
และเจ้าหน้าที่รัฐไทยยังขัดขวางชาวบ้านไม่ให้ดูแลผืนป่าที่เคยดูแลมาก่อน ด้วยกฎหมายอุทยานฯ ฉบับปี พ.ศ. 2562 ที่มีผลบังคับใช้โดยไม่ได้มีส่วนร่วมของคนในพื้นที่ในกระบวนการของกฎหมายฉบับนี้เลย ด้วยเหตุเหล่านี้ ชาวบ้านต่างตั้งคําถามว่า ถ้าไม่สามารถเข้าไปทําพิธีกรรมในพื้นที่จิตวิญญาณได้ “ข้าวก็จะไม่สวย พืชผักก็ไม่ดี ทํากินก็จะไม่ขึ้น หรือร้ายแรงจนถึงมีคนตาย” แล้วชาวบ้านจะดํารงชีวิตต่อไปอย่างไร ทุกวันนี้ชาวบ้านอยู่ได้เพราะป่า
 
แล้วใครจะรับผิดชอบ ชาวบ้าน หรือ รัฐไทย หรือ ใคร
 
 
เรื่องราวนี้เป็นผลผลิตจากเวิร์กชอป ‘โครงการสื่อสร้างสรรค์เพื่อความยั่งยืน’ จัดโดย UNDP ดำเนินกระบวนการโดย Realframe และร่วมสนับสนุนโดย EU
เขียนโดย
ดวงเนตร วงษ์จำเนียง
คนปกาเกอะญอ เรียบง่าย เฮฮา ชอบถ่ายวีดีโอเกี่ยวกับวิถีชีวิตคนป่าคนดอยต่าง ๆ เพื่อให้คนรู้จักและเข้าใจมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันทำ Youtube ช่อง 'จอพาดู'
ถ่ายภาพและออกแบบกราฟฟิกโดย
สุวิทย์ อุดมรักพันธ์พง
ชาวปกาเกอะญอ ใช้ชีวิตอยู่บนไร่หมุนเวียน รอบกายเต็มไปด้วยธรรมชาติ ชอบการถ่ายภาพตามความรู้สึกของตัวเอง